ฝึกอบรม สัมนา กับเราลดหย่อนภาษี 200%

สิทธิและประโยชน์ในการฝึกอบรมฝีมือแรงงานภายใต้พระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ.2545

 

การขอรับรองหลักสูตรอบรม 

เพื่อขอลดหย่อนทางภาษี 200%

(ตามคู่มือสิทธิประโยชน์การฝึกอบรมฝีมือแรงงาน)

 

พระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ.2545 กำหนดให้บริษัทสามารถนำค่าใช้จ่ายในการพัฒนาฝีมือแรงงานไปลดหย่อนภาษีได้200% ซึ่งการฝึกอบรมยกระดับฝีมือแรงงานมี 2กรณี ดังนี้

1. กรณีบริษัทจัดฝึกอบรมขึ้นเองหรือจ้างจัดบริษัทฝึกอบรมสัมมนามาจัดฝึกอบรมให้(In-house Training)

2. กรณีส่งบุคลากรไปรับการฝึกกับบริษัทฝึกอบรมสัมมนา สถานศึกษาหรือสถานฝึกอบรมฝีมือแรงงาน(Public Training)

การฝึกยกระดับฝีมือแรงงาน คือการฝึกอบรมฝีมือแรงงานให้กับลูกจ้างตามกฎหมาย มีการจ่าย ค่าจ้าง มีการทำสัญญาจ้างแล้ว(แม้จะเข้ามาในวันแรกหรือเป็นช่วงทดลองงานก็ตาม)

หลักเกณฑ์ในการพิจารณารับรองหลักสูตร
1. มีเนื้อหาหลักสูตรเพื่อพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ทักษะ และทัศนคติที่ดีต่อการปฏิบัติงานเพิ่มขึ้นตามสาขาอาชีพ
2. มีเนื้อหาสอดคล้องและเป็นประโยชน์ต่อกิจการ
3. ระยะการฝึกอบรมสัมมนาสอดคล้องกับหลักสูตรและไม่น้อยกว่า 6ชั่วโมง
4. เรื่องจำนวนชั่วโมง และจำนวนผู้เข้ารับการฝึกจำนวนชั่วโมงที่ฝึกอบรม 
5. ผู้เข้าอบรมสัมมนาแต่ละรุ่นต้องไม่เกิน 50คน

1. IN HOUSE TRAINING เอกสารที่ต้องใช้ในการยื่นขอรับรองหลตามคู่มือสิทธิประโยชน์การฝึกอบรมฝีมือแรงงาน)

กรณีสถานประกอบการ/บริษัท(IN-HOUSE TRAINING)มีข้อสรุปดังนี้

1. คำขอรับการรับรองหลักสูตร ค่าใช้จ่ายในการฝึกยกระดับฝีมือแรงงานและการฝึกเปลี่ย/ฝป1)

2. ราย ละเอียดเกี่ยวกับหลักสูตรและค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม ฝึกยกระดับฝีมือแรงงานและการฝึกเปลี่ยนสาขาอาชีพ กรณีเป็นผู้ดำเนินการฝึกเองหรือจัดจ้างบริษัทฝึกอบรมสัมมนามาดำเนินการให้(แบบฝย/ฝป/ฝป 3) 

4. ข้อมูลหลักสูตร

5. ตารางการฝึกอบรมสัมมนา

6. เรื่องอนุมัติให้จัดฝึกอบรมสัมมนา

7. ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับรายละเอียดหลักสูตร

 

 รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมต่างๆดังนี้

1. เงินค่าตอบแทนวิทยากร-บริษัทที่เข้ามาดำเนินการ เท่าที่จ่ายจริงหรือตอบแทนเป็นของขวัญสำหรับวิทยากรมูลค่าไม่เกิน 5,000บาท/คน/รุ่น อย่างใดอย่างหนึ่ง

2. ค่าลิขสิทธิ์ของหลักสูตรที่ใช้ในการฝึกอบรม

3. ค่าจ้างล่ามระหว่างการฝึกอบรม

4. ค่าแปลเอกสารประกอบการฝึกอบรมหรือตำรา

5. ค่าเอกสารประกอบการฝึกอบรมหรือตำราเป็นค่าจ้างจัดทำหรือซื้อมาเป็นเล่ม

6. ค่าจ้างถ่ายเอกสารประกอบการฝึกอบรม

7. ค่าถ่าย ล้าง อัดและขยายรูปภาพ ค่าบันทึกภาพและเสียงที่เกี่ยวข้องกับการฝึกอบรม

8. ค่า จัดทำหรือค่าเช่าสื่อในการฝึกอบรม เช่น เทปเสียง เทปวิดีโอ ซีดี วีซีดี ดีวีดี สไลด์ แผ่นภาพและรวมถึงชุดทดลอง ชุดสาธิตที่ไม่เข้าข่ายการลงทุน

(การเช่าต้องมีระยะเวลาที่แน่นอนและสอดคล้องกับหลักสูตรที่จัดฝึกอบรม)

9. ค่า วัสดุ เครื่องมือที่ใช้ในการฝึกอบรมฝีมือแรงงานต้องไม่ปะปนกับที่ใช้ในการประกอบกิจการตามปกติของผู้ขอรับความเห็นชอบ โดยจะต้องระบุรายการจำนวนและราคาของวัสดุ เครื่องมือนั้นให้ชัดเจน

10. ค่าเช่าเครื่องมือ เครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้ในการฝึกอบรมต้องมีระยะเวลาเช่าที่แน่นอนและสอดคล้องกับหลักสูตรที่จัดฝึกอบรม

11. ค่าเช่าสถานที่จัดฝึกอบรม

12. ค่าเช่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่มและอาหารว่างสำหรับผู้รับการฝึกอบรม เจ้าหน้าที่ประสานการฝึกอบรมและวิทยากรระหว่างฝึกอบรมยกเว้นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

13. ค่าพาหนะเดินทางข้ามจังหวัดไป-กลับภายในประเทศเพื่อเข้ารับการฝึกอบรมไม่เกิน 2เที่ยว ยกเว้นค่าเครื่องบิน

14. ค่าจ้างเหมาพาหนะรับ-ส่งผู้รับการฝึกอบรม เจ้าหน้าที่ประสานการฝึกอบรมและวิทยากรระหว่างการฝึกอบรม ไป-กลับในประเทศไม่เกินสองเที่ยวยกเว้นค่าแท็กซี่และค่าเครื่องบิน

15. ค่าจ้างเหมาพาหนะไปดูงานที่กำหนดไว้ในหลักสูตรภายในประเทศ ยกเว้นค่าแท็กซี่และค่าเครื่องบิน

16. ค่าพาหนะเดินทางภายในประเทศของวิทยากร

 

หมายเหตุ

  • กรณีหลักฐานค่าใช้จ่าย(ใบเสร็จรับเงินหรือใบสำคัญรับเงิน)ที่ออกโดยร้านค้าหรือนิติบุคคล ได้แก่ใบเสร็จรับเงินหรือใบกำกับภาษีที่มีรายการถูกต้องสมบูรณ์พร้อมระบุชื่อหลักสูตร รุ่น/วันที่อบรม/ จำนวนเงินให้ชัดเจน

(กรณีใบเสร็จรับเงินของโรงแรมให้แนบใบแสดงรายละเอียดค่าใช้จ่ายของค่าที่พักและอาหาร)

  • กรณี ใบสำคัญรับเงินที่ให้บุคคลเป็นผู้รับเงินในการจ้างทำของหรือเป็นค่าตอบแทน เช่น ค่าตอบแทนวิทยากร ค่าจ้างทำอาหาร ค่าจ้างเหมาพาหนะรับ–ส่ง เป็นต้น พร้อมแนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับเงิน
  • ใบเสร็จรับเงินหรือใบสำคัญรับเงินสามารถใช้สำเนาได้ ให้เซ็นสำเนาถูกต้องทุกใบ
  • ใบเสร็จรับเงินหรือใบสำคัญรับเงินขอให้แยกขาดกันในแต่ละหลักสูตร แต่ละรุ่นที่ฝึก
  • กรณี ที่รวมใบเสร็จรับเงินหรือใบสำคัญรับเงินกันมามากกว่าหนึ่งหลักสูตรหรือหนึ่ง รุ่น ก็ให้ถ่ายสำเนาใบเสร็จนั้นตามจำนวนหลักสูตรหรือรุ่นที่รวมกันมา ให้เขียนหมายเหตุแบ่งแยกแต่ละหลักสูตรแต่ละรุ่นให้ชัดเจนว่าแต่ละหลักสูตร

แต่ละรุ่นมีค่าใช้จ่ายหลักสูตรละรุ่นละเท่าไรพร้อมเซ็นชื่อขอรับรองว่าเป็นความจริงด้วย(สามารถทำได้แต่ไม่แนะนำให้ทำ เพราะจะมีปัญหาเวลาพิจารณา)

  • บิลเงินสดที่ออกกันเองไม่สามารถใช้ได้
  • ค่าใช้จ่าย 16 ข้อข้างต้น ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยมีจำนวนเหมาะสมและจำเป็นกับการฝึกอบรม

 

2. PUBLIC TRAINING เอกสารที่ต้องใช้ในการยื่นขอรับรองหลักสูตร(ตามคู่มือสิทธิประโยชน์การฝึกอบรมฝีมือแรงงาน)

กรณีส่งบุคลากรไปรับการฝึกกับบริษัทฝึกอบรมสัมมนา สถานศึกษาหรือสถานฝึกอบรมฝีมือแรงงาน(PUBLIC TRAINING)มีข้อสรุปดังนี้

1. คำขอรับการรับรองหลักสูตร ค่าใช้จ่ายในการฝึกยกระดับฝีมือแรงงานและการฝึกเปลี่ยนสาขาอาชีพ(แบบฝย/ฝป1)

2. รายละเอียดเกี่ยวกับหลักสูตรและค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม(แบบฝย/ฝป 2-2)

3. เอกสารประชาสัมพันธ์หลักสูตรอบรม

4. เอกสารกำหนดการอบรมหลักสูตร

5. เอกสารการอนุมัติให้บุคลากรเข้ารับการอบรม

6. ใบเสร็จรับเงินค่าลงทะเบียน

7. วุฒิบัตร,ประกาศนียบัตรที่ผ่านการอบรม

 

เงื่อนไขของสถานประกอบการ-สถาบันที่จัดฝึกอบรม (Public Training)

- เป็นสถานศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียน เอกชน สถาบันอุดมศึกษาตามกฎหมายว่าด้วย สถาบันอุดมศึกษาเอกชน 

- สถานฝึกอบรมฝีมือแรงงานของทางราชการ

- สถานฝึกอบรมฝีมือแรงงานที่มีฐานะเป็นมูลนิธิ สมาคม หรือนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นถูกต้องตามกฎหมาย

 

ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมที่นำมายื่นประกอบ มีดังนี้

  • ค่าธรรมเนียมเข้าอบรมหรือค่าลงทะเบียน
  • ค่าพาหนะเดินทางข้ามจังหวัดไป-กลับภายในประเทศเพื่อเข้ารับการฝึกอบรมไม่เกินสองเที่ยวยกเว้นค่าเครื่องบิน
  • ค่าเช่าที่พักเพื่อเข้ารับการฝึกอบรม ในกรณีสถานศึกษาหรือสถานฝึกอบรมฝีมือแรงงานไม่ได้จัดสถานที่พักให้

 

หมายเหตุ รายละเอียดเกี่ยวกับเอกสาร รวมทั้งความถูกต้องของเอกสารเรื่องกรอบค่าใช้จ่ายการฝึกยกระดับฝีมือแรงงานภายนอก เหมือนกรณีฝึกอบรมภายใน

 

Visitors: 82,304